กฎหมายที่ผู้ประกอบการควรรู้และทำความเข้าใจ ตอนที่ 2

legal knowledge, business law.

สวัสดีกันอีกครั้งนะครับ สำหรับผู้ประกอบการทั้งหลาย สำหรับวันนี้เรามาว่ากันต่อเรื่องกฎหมายที่ผู้ประกอบการควรรู้และทำความเข้าใจนะครับ จากความเดิมตอนที่แล้วที่กล่าวถึงความสำคัญและความสัมพันธ์ของกฎหมายกับธุรกิจของท่าน หากท่านยังไม่ได้อ่านหรือจำไม่ได้ ก็สามารถไปอ่านได้ที่ลิ้งด้านล่างนี้ครับ

กฎหมายที่ผู้ประกอบการควรรู้และทำความเข้าใจตอนที่ 1

และอย่าลืมนะครับหากท่านได้ที่ต้องการจะอัพเดตและเสิรมสร้างความรู้ด้านกฎหมายเพื่อนำไปใช้ทำธุรกิจของท่านเอง ท่านสามารถติดตามรับข่าวสารได้โดยใส่อีเมลด้านล่างนี้ครับ


Newsletter subscriptionTH (#13)

และสำหรับท่านใดที่พร้อมแล้วก็ไปอ่านต่อกันได้เลยสำหรับกฎหมายที่ผู้ประกอบการควรรู้และทำความเข้าใจตอนที่ 2 ครับผม ^^

law, business law, knowledge

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยตัวการและตัวแทน

อย่างที่ทราบดีกันอยู่แล้วนะครับว่า เมื่อธุรกิจดำเนินมาถึงระยะนึงแล้ว ท่านเจ้าของธุรกิจก็จำเป็นจะต้องพนักงาน หรือมีผู้ช่วยในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะในตำแหน่งใด ๆ ก็ตาม การทำงานของบรรดาลูกจ้างเหล่านี้ถือเป็นการทำงานในฐานะตัวแทนของเราทั้งสิ้นครับ และด้วยเหตุนี้ความรับผิดชอบต่าง ๆ ทั้งตัวแทนต่อตัวการ ตัวการต่อตัวแทน หรือตัวแทนและตัวการต่อบุคคลภายนอก ก็ย่อมตามมาด้วยเช่นกัน

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยตัวการและตัวแทนเป็นกฎหมายที่กำหนดถึงการเกิดขึ้นของความสัมพันธ์เชิงตัวการตัวแทน และความรับผิดของตัวการ และ/หรือ ตัวแทน ต่อบุคคลภายนอก และการสิ้นสุดลงของความสัมพันธ์แบบตัวการตัวแทน ซึ่งโดยหลักแล้ว ตัวการ (คนที่ให้อำนาจ) จะต้องรับผิดในการใด  ๆ ก็ตามที่ตัวแทน (คนที่รับมอบอำนาจ) ได้กระทำลงในขอบเขตแห่งการมอบอำนาจนั้น ๆ และหากออกนอกกรอบอำนาจที่ตนได้รับมา ตัวแทนก็มีความเสี่ยงที่จะต้องรับผิดในความเสียหายอันเป็นผลมาจากการกระทำนอกเหนือขอบเขตอำนาจของตนด้วยก็ได้

สิ่งที่ผู้ประกอบการทุกคนควรที่จะรู้และใส่ใจในเรื่องตัวการและตัวแทนเป็นพิเศษนั่นก็คือ ขอบเขตอำนาจของผู้ที่เป็นตัวแทน ทั้งคนที่ทำงานแทนเราและคนที่เข้ามามีปฎิสัมพันธ์กับธุรกิจของเราด้วยนะครับว่า มีอำนาจกระทำการหรือไม่ แค่ไหน ซึ่งจะป้องกันความเสี่ยงในการถูกปฏิเสธ ความรับผิดชอบได้ตามมาครับ

นอกจากนี้ตัวการเองก็ยังต้องระมัดระวังในเรื่องของความรับผิดที่อาจจะเกิดขึ้นจากการที่ตัวแทนของตนไปกระทำให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลภายนอกอีกด้วยนะครับ

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยการร่วมรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิดของลูกจ้าง

โดยปกติแล้ว ใครทำอะไรก็ย่อมได้ผลไปตามกรรมที่ตนเองก่อเอาไว้ ถูกต้องมั้ยครับ แต่ในบางครั้งเราเองก็ต้องมารับผิดในสิ่งที่เราไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายด้วย เรื่องนี้เป็นจริงอย่างมากในกรณีที่ท่านมีลูกจ้าง และลูกจ้างของท่านไปกระทำการใด ๆ อันกฎหมายถึอว่าเป็นการ “ละเมิด” บุคคลอื่นครับ

ละเมิด คือ การที่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง (ผู้ทำละเมิด) ไม่ว่าโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำต่อบุคคลอื่น (ผู้ถูกทำละเมิด) โดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี

อย่างไรก็ดี ไม่ได้หมายความว่านายจ้างต้องร่วมรับผิดกับลูกจ้างในผลของการละเมิดในทุก ๆ เรื่องที่ลูกจ้างได้กระทำต่อบุคคลอื่นตลอดเวลานะครับ กฎหมายได้กำหนดเงื่อนไขสำคัญเอาไว้อีกประการนึงนั่นก็คือ ผลของการละเมิดที่นายจ้างต้องร่วมรับผิดกับลูกจ้างนั้นต้องเป็น ”การกระทำไปในทางการที่จ้าง” ด้วยครับ นายจ้างจึงจะมีหน้าที่ต้องร่วมรับผิดชอบกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด นั่นก็คือ การชดใช้ค่าเสียหาย ค่าสินไหมทดแทนแก่บุคคลผู้ที่ถูกลูกจ้างกระทำละเมิดด้วยครับ

การกระทำไปในทางการที่จ้าง คือการกระทำที่ “เป็นผลมาจากการปฎิบัติงาน” ที่นายจ้างได้จ้างลูกจ้างทำ หรือสั่งให้ลูกจ้างทำ โดยไม่คำนึงว่า การกระทำที่เป็นละเมิดนั้นจะได้เกิดขึ้นในระหว่างเวลาการทำงานหรือไม่ เช่น คนขับรถขับรถส่งของให้กับลูกค้า โดยในระหว่างการส่งของนั้น ลูกจ้างได้ขับรถด้วยความเร็วสูงและชนมอเตอร์ไซต์ได้รับบาดเจ็บ กรณีนี้ นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลของการละเมิด (ขับรถไปชน) ของลูกจ้างนั่นก็คือ การจ่ายค่าเสียหาย ต่อร่างกาย ทรัพย์สิน หรือสิทธิอื่น ๆ ของผู้บาดเจ็บ ด้วยเช่นกันครับ เมื่อนายจ้างได้ชดเชยค่าเสียหายแก่ผู้ถูกทำละเมิดแล้ว นายจ้างก็มีสิทธิที่จะเรียกเอาค่าเสียหายที่ได้ชำระไปจากลูกจ้างได้เต็มจำนวนครับ

ส่วนการพิจารณาการเป็นนายจ้างและลูกจ้าง แนวคำพิพากษาศาลฎีกาจะมองที่ 2 เงื่อนไขสำคัญนั่นคือ 1. การมีอำนาจบังคับบัญชา และ 2. การจ่ายสินจ้าง หากเข้า 2 ข้อนี้ครบถ้วนก็ถือว่า มีความสัมพันธ์เป็นนายจ้างลูกจ้างกันแล้วครับ

ด้วยเหตุที่กฎหมายว่าด้วยละเมิด เป็นกฎหมายที่สร้างขึ้นมาเพื่อมุ่งเน้นการเยียวยาผู้เสียหาย หรือผู้ถูกทำละเมิด การตีความกฎหมายจึงกินความไปถึงกรณีที่เรามอบหมายงานให้กับลูกจ้างไปทำ (เช่น ขับรถไปส่งของ) และลูกจ้างก็ให้คนอื่นเป็นตัวแทนไปทำ (เช่น ให้เพื่อนที่ไม่ใช่ลูกจ้างด้วยกัน ขับรถไปแทน) ด้วยนะครับ

เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับเนื้อหาในตอนที่ 2 ของซีรี่ย์ “กฎหมายที่ผู้ประกอบการควรรู้และทำความเข้าใจ” เนื้อหาค่อนข้างเยอะนะครับแต่อยากให้ค่อย ๆ ศึกษากันเอาไว้ เพราะจะมีประโยชน์อย่างมากในการทำธุรกิจของท่านครับ 

แต่เรายังมีต่อในตอนที่ 3 ของซีรี่ย์นี้ที่จะพาทุกท่านไปรู้จักกับกฎหมายที่ผู้ประกอบการควรรู้และทำความเข้าใจครับ ท่านสามารถเข้าไปอ่านได้ที่ลิ้งก์ด้านล่างนี้เลยครับ

กฎหมายที่ผู้ประกอบการควรรู้และทำความเข้าใจ ตอนที่ 3

และเพื่อไม่ให้พลาดทุกเนื้อหากฎหมายเพื่อผู้ประกอบการ ท่านสามารถรับข่าวสารและเนื้อหากฎหมายอ่านง่าย ใช้ได้จริงจาก CorpJurist ได้เป็นประจำทุกสัปดาห์ เพียงแค่ใส่อีเมลของท่านเอาไว้ด้านล่างนี้เลยครับ


Newsletter subscriptionTH (#13)

หรือหากท่านใดมีข้อสงสัยหรือต้องการเสนอแนะในเรื่อใด ส่งอีเมลมาได้ที่ [email protected] ได้ตลอดเวลาเลยนะครับ ^^